Wednesday, July 28, 2010

ความเชื่อโบราณกับการตั้งครรภ์ ตอนที่ 1

ขอบคุณเว็บไซต์ดีๆ เกี่ยวกับ การตั้งครรภ์ และ พัฒนาการเด็ก bestmomclub.com ค่ะ

คนโบราณมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ บางข้อก็นำมาประยุกต์ใช้ได้ดี แต่บางข้อการแพทย์สมัยใหม่บอกว่า ไม่ถูกต้อง bestmomclub นำความเชื่อเหล่านั้นและบทวิเคราะห์จากคุณหมอ มาให้อ่าน ให้ใช้วิจารณญาณกันอย่างเต็มที่ครับ ขอแบ่งเป็นหลายตอน เพราะมีหลายความเชื่อ

ตอนที่ 1
1. ดื่มน้ำมะพร้าวอ่อน คุณเชื่อหรือไม่คะว่าคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า การดื่มน้ำมะพร้าวอ่อนทุกวันระหว่างตั้งครรภ์นั้น จะทำให้เด็กทารกที่คลอดมามีผิวพรรณสะอาดเกลี้ยงเกลา ไม่มีไขมันติดตัวออกมาเวลาคลอด เกี่ยวกับความเชื่อมในเรื่องนี้นั้นคุณคัทรินทร์ ปิยะวาทวงศ์ นักโภชนาการโรงพยาบาลพระรามเก้ากล่าวชี้แจงว่า “... ในเรื่องนี้นั้นยังไม่มีงานวิจัยออกมายืนยันอย่างชัดเจนค่ะว่าข้อเท็จจริงนั้นเป็นอย่างไร

แต่เคยมีงานวิจัยของเมืองนอกชิ้นหนึ่งออกมาว่า ในน้ำมะพร้าวมีสารชนิดหนึ่งซึ่งช่วยให้มดลูกบีบตัว ดังนั้นหากหญิงมีครรภ์ดื่มน้ำมะพร้าวเข้าไปสารตัวนี้ก็จะไปช่วยให้มดลูกบีบรัดรก ทำให้เกิดมีการคล้ายๆ ชะล้างเกิดขึ้น ...เหมือนๆ กับที่มีข้อห้ามไม่ให้คนที่กำลังมีประจำเดือนดื่มน้ำมะพร้าวนั่นแหละค่ะ เพราะเกรงว่าจะไปบีบรัดมดลูก แต่ยังไม่มีงานวิจัยใดที่ออกมายืนยันว่าดื่มน้ำมะพร้าวแล้วผิวพรรณเด็กจะดีค่ะ...” อย่างไรก็ตามไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มน้ำมะพร้าวที่แสนอร่อย เย็นชื่นใจ ... จริงไหมคะ

2. ห้ามนอนหงายเพราะรกจะติดหลังแล้วคลอดออกมาไม่ได้ พ.อ. ดาราพงศ์ ลังกาฟ้า สูตินรีแพทย์ได้กรุณาให้คำตอบเกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องนี้ว่า “...เป็นการเข้าใจผิดของคนในสมัยก่อน ซึ่งไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องรกในร่างกาย รกจะไม่เกาะติดกับหลังของเรา เพราะรกอยู่ในมดลูก รกจะเกาะติดด้านหน้า หรือด้านหลังของมดลูกก็ได้ไม่มีอันตรายใดๆ ที่จะมีอันตรายคือ รกเกาะต่ำ โดยรกมาเกาะด้านล่างบริเวณปากมดลูก ซึ่งทำให้มีเลือดออกทางช่องคลอดได้ รกจะเกาะที่ไหนไม่ได้ขึ้นกับท่านอน การนอนตะแคงดีกว่านอนหงายในอายุครรภ์หลังๆ ตอนท้องโต การนอนหงายมดลูกจะไปกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ ซึ่งอยู่ด้านหลังมดลูกได้ ทำให้ความดันโลหิตต่ำลง และเลือดไปหล่อเลี้ยงมดลูกน้อยลง เป็นอันตรายต่อแม่และเด็กได้ แต่ถ้านอนตะแคง มดลูกจะไม่ไปกดทับเส้นเลือดดำใหญ่ อันตรายก็ไม่เกิดขึ้น...”

มีตอนต่อไปนะจ๊ะ

นิตยสารบันทึกคุณแม่ ปีที่ 10 กรกฎาคม 2547

ที่มา http://www.bestmomclub.com

Monday, July 19, 2010

การตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง และความรู้เกี่ยวกับ ชุดตรวจครรภ์ ตอนที่ 2

ขอบคุณเว็บไซต์ดีๆ เกี่ยวกับ การตั้งครรภ์ และ พัฒนาการเด็ก bestmomclub.com ค่ะ

ต่อตอนที่ 2 กันนะคะ

* การอ่านผล ส่วนมากในกล่องของชุดตรวจที่ซื้อมาจะบอกวิธีการอ่านไว้แล้วพร้อมมีรูบภาพตัวอย่างด้วย โดยส่วนมากการอ่านผลที่ถูกต้องต้องอ่านภายใน 5 นาที ถ้าทิ้งไว้นานกว่านี้ ที่เคยขึ้นขีดเดียวของบางบริษัท อาจมีอีกขีดโผล่มาได้ ซึ่งไม่ใช่การตั้งครรภ์ และเชื่อถือไม่ได้แล้ว
1. ถ้าขึ้น 2 ขีด แปลว่าให้ผลบวก
2. ถ้าขึ้นขีดเดียว แปลว่าให้ผลลบ (ต้องขึ้นที่ขีด C นะครับ)
3. ถ้าไม่ขึ้นสักขีด แปลว่า อ่านผลไม่ได้ หรือแถบเสีย
4. ถ้าขีด T ขึ้นจางๆ แปลว่า ยังไม่แน่

* การแปลผล ส่วนมากในกล่องของชุดตรวจที่ซื้อมาจะบอกวิธีการอ่านไว้แล้วพร้อมมีรูบภาพตัวอย่างด้วย โดยส่วนมากจะแปลผลดังนี้
1. ถ้าให้ผลบวกแปลว่าตั้งครรภ์
2. ถ้าให้ผลลบ แปลว่า ไม่ตั้งครรภ์ หรืออาจตั้งครรภ์แต่ยังตรวจไม่เจอก็เป็นได้
3. ถ้าไม่ขึ้นสักขีด แปลว่าชุดตรวจนั้นเสีย อาจเสียจากการผลิต หรือเสียจากการเก็บไม่ถูกวิธี หรือหมดอายุ หรือใช้ปัสสาวะเก่าทิ้งไว้นาน การตรวจในครั้งนั้นใช้ไม่ได้ ต้องเอาอันใหม่มาตรวจ
4. ถ้าขีด T ขึ้นจางๆ แนะนำรออีกสองสามวันตรวจใหม่ (คนละยี่ห้อก็ดี)
5. การตรวจนี้ถ้าให้ผลเป็นบวก บอกได้แค่ว่ามีการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่ได้บอกว่าตั้งครรถ์ในมดลูกหรือนอกมดลูก

* ระยะเวลาในการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยปัสสาวะการตรวจปัสสาวะปกติก็ควรรอให้ให้รอบเดือนขาดเสียก่อนจึงค่อยตรวจ ในหลายๆครั้งความเครียด วิตกกังวลก็อาจทำให้รอบเดือนมาช้าได้ (โดยเฉพาะในรายที่ยังไม่พร้อม) ดังนั้นเมื่อถึงวันนัดแล้ว รอบเดือนยังไม่มาตามนัด คุณก็สามารถรอได้ รอ 7 วันแล้วค่อยตรวจก็ยังไม่สาย ตรวจแล้วถ้าให้ผลบวก ก็แปลว่าตั้งครรภ์ แต่ถ้าให้ผลลบ ก็รออีก 7 วันค่อยตรวจซ้ำ ตรวจแล้วยังให้ผลลบ ก็รออีก 7 วันตรวจใหม่อีกที ถ้าครั้งนี้ยังให้ผลลบก็เย็นใจได้แล้ว ไม่น่าท้อง (ไม่ได้บอกว่าไม่ท้องแน่ๆ)รออีก 7 วันคราวนี้ถ้าให้ผลลบอีก และกังวลว่าจะตั้งครรภ์(แต่ไม่พร้อม) ก็คงต้องไปหาหมอตรวจแล้วครับ

* การตรวจการตั้งครรภ์จะตรวจก่อนรอบเดือนขาดได้ไหม ในกรณีที่มีการผสมเทียมหรือการทำเด็กหลอดแก้ว แพทย์อาจตรวจเลือดหลังจากทำไป 1 – 2 สัปดาห์ เพื่อดูว่าการทำนั้นสำเร็จหรือไม่ ซึ่งการตรวจเลือดปกติก็ตรวจได้ตั้งแต่ 7 - 9 วันหลังไข่ตก แต่ถ้าเป็นการตรวจปัสสาวะอาจตรวจได้ 14 วันหลังไข่ตก นั่นก็คือตั้งแต่วันที่รอบเดือนควรจะมา แต่ชุดการตรวจที่รู้ไวแบบนั้นก็อาจผิดพลาดให้ผลบวกปลอมได้เช่นกันแต่ในกรณีการตั้งครรภ์ปกติทั่วไปก็ไม่จำเป็นต้องไปรู้ก่อนรอบเดือนขาด ถึงคุณไม่พร้อมจะตั้งครรภ์ การรู้ก่อนรอบเดือนขาด หรือรู้หลังรอบเดือนขาด 1 – 2 สัปดาห์ก็ไม่มีอะไรต่างกัน

* ความน่าเชื่อถือ ตรวจปัสสาวะแล้วให้ผลบวกแปลว่าท้องแน่นอนใช่ไหม ..... ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น… แต่เท่าที่เคยเจอก็ไม่แน่เสมอไป ตรวจคราวก่อนให้ผลบวก สองวันต่อมารอบเดือนกลับมาหน้าตาเฉยก็มี แล้วทำไมจึงเป็นอย่างนั้น..... ในบางครั้ง บางบริษัทไวมากฮอร์โมนอื่นที่ไม่ใช่ hCG ก็ให้ผลบวกปลอมก็มีเช่นฮอร์โมน LH แต่ก็พบไม่บ่อยนักผิดพลาดได้ 1- 2 %

* อาหารและยาที่กินเข้าไปมีผลให้การตรวจการตั้งครรภ์ผิดพลาดไหม โดยปกติอาหารก็ไม่มีผลอะไร แต่ก็มียาบางอย่าง (เช่นยาขับปัสสาวะ ยาแก้แพ้บางตัว เช่นยา promethazine) อาจทำให้ผลตรวจผิดพลาด จากที่ควรบวก แต่ทำให้ผลเป็นลบได้ ยาที่มีส่วนผสมของฮอร์โมน hCG หรือมีส่วนประกอบของฮอร์โมน hCG อาจทำให้มีผลบวกปลอมได้

* ขีดที่สองขึ้นจางๆ แปลว่าอะไร บางครั้งตรวจไปแล้วขีดที่ 2 ทำท่าขึ้นมาแต่ก็จางๆ จะอ่านว่าบวกหรือเปล่า ….ผลที่ได้ถือว่ายังไม่แน่นอนนะครับ ให้รออีก 7 วันค่อยตรวจใหม่ซ้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

* ซื้อได้ที่ไหน หาซื้อได้ร้านขายยาทั่วไป หรือร้านขายยาในห้าง

* ราคาเท่าไหร่ ชุดตรวจการตั้งครรภ์ที่มีจำหน่ายมีหลากหลายยี่ห้อ ราคาตั้งแต่ 50 บาทไปถึงร้อยกว่าๆ

* กรณีท้องนอกมดลูกบอกได้หรือเปล่า ลำพังแค่ตรวจปัสสาวะบอกไม่ได้ครับว่าท้องในมดลูกหรือนอกมดลูก การวินิจฉัยว่าท้องนอกมดลูก ต้องอาศัยการตรวจร่างกาย การตรวจอย่างอื่นร่วมด้วย รวมทั้งประวัติอาการต่างๆ แต่ท้องนอกมดลูกก็เจอน้อย ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ปล่อยเป็นหน้าที่หมอที่จะวินิจฉัยเอง

* คลอดเด็กไปแล้วยังตรวจเจอไหม หลังจากคลอดไม่ว่าคลอดปกติหรือผ่าคลอด หลังจากแท้งไปแล้วไม่ว่าแท้งเองหรือไปทำแท้งมา ฮอร์โมนในเลือดไม่หมดไปทันที แต่จะค่อยๆลดลง 1 – 2 สัปดาห์ยังอาจตรวจปัสสาวะให้ผลบวกได้ แต่อย่างไรก็ตามหลัง 4 สัปดาห์แล้วก็จะให้ผลลบทุกราย

* ตกขาวกับการตั้งครรภ์ คนท้องอาจมีตกขาวได้ คนทั่วไปก็มีตกขาวได้ ตกขาวทั้งสองอย่างไม่สามารถแยกกันได้ ไม่ควรใช้เรื่องตกขาวมาเป็นตัวสงสัยว่าท้องหรือเปล่า ถ้าสงสัยว่าจะท้องหรือเปล่า ลองตรวจปัสสาวะด้วยตนเองก่อนดีที่สุดยังไงก็ดีถ้าตรวจหรือตรวจซ้ำแล้วผลออกมาว่าตั้งครรภ์ก็ให้ไปตรวจครรภ์โดยแพทย์หรือที่โรงพยาบาลอีกครั้งจะดีที่สุดนะครับที่มาข้อมูล [url=http://www.mitthai.com/forum/viewtopic.php?f=14&t=165]MITTHAI[/url]

ที่มา http://www.bestmomclub.com

Thursday, July 15, 2010

การตรวจครรภ์ด้วยตัวเอง และความรู้เกี่ยวกับชุดตรวจครรภ์ ตอนที่ 1

ขอบคุณเว็บไซต์ดีๆ เกี่ยวกับ การตั้งครรภ์ และ พัฒนาการเด็ก bestmomclub.com ค่ะ

ในขณะที่มนุษย์ตั้งครรภ์ ร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายอย่างเพื่อเตรียมตัว สำหรับอีกชีวิตหนึ่งที่จะเกิดมา ก็เหมือนเราเตรียมบ้านสำหรับคนมาใหม่ ต้องเก็บต้องจัดของให้เข้าที่เรียบร้อย
การจะรู้ว่าตั้งครรภ์หรือเปล่า ถ้าจะอาศัยอาการทางร่างกายคงเป็นเรื่องยาก และไม่แน่นอน ยิ่งในช่วงเริ่มต้น อย่างเรื่อง คลื่นไส้อาเจียนก็ไม่ได้เป็นอาการเฉพาะเจาะจงของคนท้องเสมอไป โรคอื่น สาเหตุอื่นก็ทำให้มีอาการอย่างนี้ได้ ดังนั้นจึงต้องอาศัยการตรวจ จึงจะบอกได้แน่ชัด ถ้าไปหาหมอ หมอก็อาจตรวจปัสสาวะพร้อมกับตรวจร่างกาย ถ้ายังไม่แน่ใจหมออาจตรวจเลือดหรือตรวจ Ultrasound เพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าตั้งครรภ์หรือเปล่า

* มีคนมากมายถามว่าแล้วถ้าไม่ไปหาหมอจะตรวจการตั้งครรภ์เองได้ไหม ?
ตอบว่าได้เพราะทุกวันนี้มีชุดตรวจสำเร็จรูปสำหรับตรวจปัสสาวะด้วยตนเอง วางจำหน่ายมากมายหลายยี่ห้อ หลากหลายราคา ร้านขายยาก็มีขาย ห้างสรรพสินค้าก็มีขาย สินค้าเหล่านี้มักวางขายใกล้ๆชั้นขายยาเม็ดคุมกำเนิดและถุงยางอนามัย ซื้อมาแล้วก็เอามาตรวจเองที่บ้าน

* ชุดตรวจปัสสาวะเพื่อใช้ตรวจการตั้งครรภ์
ซื้อมาแล้วจะเก็บไว้ก่อนก็ได้ที่อุณหภูมิ 4 – 30 องศา (อุณหภูมิห้องก็ใช้ได้) และเมื่อฉีกซองออกมาแล้ว ต้องตรวจทันทีจึงจะได้ผลดี แต่ถ้าฉีกมาแล้วยังไม่ตรวจสามารถเก็บไว้ได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง มิฉะนั้นจะโดนความชื้น ทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้ ซึ่งอาจให้ผลตรวจผิดพลาดได้

* ปัสสาวะที่ใชตรวจการตั้งครรภ์
จะใช้ปัสสาวะตื่นนอนตอนเช้าก็ได้ ฮอร์โมนแยะดี แต่จะใช้ปัสสาวะเวลาอื่นก็ได้ผลเหมือนกัน สำคัญต้องเป็นปัสสาวะสดคือปัสสาวะมาใหม่ๆ

* วิธีการตรวจ ตรวจอย่างไร
ปกติในชุดจะมีอุปกรณ์ให้มาพร้อมเสร็จสรรพ ทั้งนี้ก็แล้วแต่บริษัท บางบริษัทก็เป็นแบบตลับ (Test pack) หรือแบบแถบจุ่ม (test strip) หรือแบบแผ่นหยด
แบบตลับ (Test pack) ทางบริษัทจะเตรียมถ้วย และหลอดดูดปัสสาวะมาให้พร้อม อย่าหยดปัสสาวะมาก ปกติ 3-4 หยดก็พอ
แบบแถบจุ่ม (Test strip) อาจมีภาชนะบรรจุปัสสาวะมาให้หรือไม่มีก็ได้ อย่าจุ่มเลยขีดที่กำหนด
แบบแผ่นหยด ปกติจะต้องมีหลอดดูดพร้อมก้าน ละเลงปัสสาวะผสมน้ำยามาให้ด้วย อ่านคู่มือที่มีมาให้พร้อม

มาว่ากันต่อเรื่องการอ่านผลในตอนต่อไปนะคะ
ที่มาMITTHAI.com

ที่มา http://www.bestmomclub.com

Tuesday, July 6, 2010

การเขียน resume ที่ดี

ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก ศูนย์ รับแปล kingtranslations

เทคนิคการเขียน Resume

1. การเขียน resume ควรเขียนให้ชัดเจนในทุกๆหัวข้อ ไม่คลุมเครือ ไม่สร้างคำถามให้แก่ผู้อ่าน
2. การใช้ ตัวอย่าง Resume จากที่อื่นๆเพียงอย่างเดียว ไม่ดีเสมอไป ควรพิจารณา ปรับใช้ให้เหมาะกับตำแหน่งงาน และคุณสมบัติของเราด้วย
3. เบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ใน resume ควรใช้เป็นเบอร์ที่ติดต่อได้ง่ายและสะดวก
4. การเขียน resume ที่ดี ต้องไม่สั้นและไม่ยาวเกินไป ไม่ว่าคุณจะมีพื้นฐานดีเลิศขนาดไหน ก็ไม่ควรให้ยาวเกินสองหน้า
5. แบบฟอร์ม Resume ต้องชัดเจน ไม่วกวน ขนาดไฟล์ของรูปถ่ายไม่ควรใหญ่เกินไปจนกินเวลาโหลดนาน
6. ผู้อ้างอิงใน resume ตำแหน่งยิ่งใหญ่ ยิ่งน่าเชื่อถือยิ่งดี
7. หลังเขียน resume แล้ว ลองทบทวนดู โดย สมมติให้คุณเป็นฝ่ายบุคคลที่อ่าน resume นี้ จะรู้สึกอย่างไร ในทุกๆแง่มุม


Credit: ตัวอย่าง Resume จาก kingtranslations

Sunday, June 20, 2010

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่ากัมพูชา

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่ากัมพูชา โดยศูนย์ รับแปลเอกสาร Kingtranslations

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว ประเทศกัมพูชา

เอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยวประเทศกัมพูชา
1. หนังสือเดินทางตัวจริงที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนและมีหน้าว่างอย่างน้อย 3 หน้า พร้อมพาสปอร์ตเล่มเก่า (ถ้ามี)
2. รูปถ่ายสี หรือ ขาวดำ ขนาด 1 นิ้ว จำนวน 2 ใบ
3. สำเนาบัตรประชาชน
4. แบบฟอร์มวีซ่ากรอกข้อมูลครบถ้วนและเซ็นต์รับรองชื่อ 2 ชุด

รายละเอียดสถานที่ตั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียดการขอวีซ่า ประเทศกัมพูชาเพิ่มเติม
EMBASSY OF CAMBODIA
ที่ตั้ง : 518/4 ซ. รามคำแหง 39 ถ. ประชาอุทิศ
เบอร์โทร : 0-2957-5851, 0-2957-5852
เวลายื่น-รับ : 09.00 น. - 11.00 น.
เวลารับ : 15.00 น. - 16.00 น


Kingtranslations รับแปลเอกสาร วีซ่า ทุกประเภท ทุกภาษา ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ วันนี้

Wednesday, June 16, 2010

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าญี่ปุ่น

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าญี่ปุ่น โดยศูนย์ รับแปลเอกสาร Kingtranslations

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว ประเทศญี่ปุ่น

1. หนังสือเดินทางที่ไม่มีตราประทับมากกว่า 2 หน้าขึ้นไป หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่า กรุณานำมาแสดงด้วย

2. รูปถ่าย (ขนาด 2 x 2 นิ้ว สีหรือขาวดำ ที่มีพื้นหลังเป็นสีอ่อนจำนวน 1ใบ)

3. สำเนาทะเบียนบ้าน ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด

4. แบบฟอร์ม วีซ่าญี่ปุ่น (ใบคำร้องขอวีซ่า PDF) กรอกข้อมูลครบถ้วนและเซ็นต์ชื่อ 1 ชุด

5. ถ้าผู้ยื่นเป็นพนักงานหรือข้าราชการ ให้แสดงหนังสือรับรองการทำงานจากหน่วยงานที่สังกัด (ให้ระบุตำแหน่ง, วันเริ่มทำงาน, อัตราเงินเดือน และระยะเวลาวันลาพักร้อน)

6.ถ้าผู้ยื่นประกอบธุรกิจส่วนตัว ให้แสดงหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัทหรือทะเบียนการค้าจากกระทรวงพาณิชย์





7. ถ้าผู้ยื่นเป็นนักศึกษาที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ให้แสดงหนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียนนักศึกษา และหนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัทหรือทะเบียนการ ค้าของผู้อุปการะ

8. ในกรณีผู้อยู่ภายใต้อุปการะเลี้ยงดู เช่น แม่บ้านที่ไม่ได้ทำงาน ให้แสดงหนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือรับรองจดทะเบียนบริษัทหรือทะเบียน การค้าของผู้อุปการะ (เอกสารทุกอย่างจะต้องออกไม่เกิน 3 เดือน, ในกรณีที่ผู้ยื่นไม่มีอาชีพ หรือประกอบอาชีพที่ไม่สามารถแสดงหนังสือรับรองการทำงานหรือหนังสือรับรองจด ทะเบียนบริษัทหรือทะเบียนการค้าได้กรุณาทำหนังสืออธิบายอาชีพและรายได้ โดยละเอียด) ฉบับจริง 1 ชุด

9. ผู้ที่เดินทางเป็นครั้งแรก หากเคยเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล หรือผู้ที่ได้เปลี่ยนชื่อตัวหรือสกุลหลังจากเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งที่แล้ว ให้เตรียมเอกสารแสดงการเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล เช่น ใบเปลี่ยนชื่อตัว-สกุล, ใบสำคัญการสมรส, ใบสำคัญการหย่า ฉบับจริงและสำเนา 1 ชุด

10. สมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร (ของผู้ยื่นคำร้องหรือของผู้อุปการะ) ฉบับจริงและสำเนา (ทุกหน้า) 1 ชุด (ใช้สำหรับยื่นในกรณีที่ผู้ยื่นเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย ตัวเอง ยกเว้นสำหรับผู้ยื่นที่เป็นข้าราชการหรือพนักงานบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจหรือมหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งมีอัตราเงินเดือนตั้งแต่ 2 หมื่นบาทขึ้นไปและสามารถตรวจสอบได้จากหนังสือรับรองการทำงาน ไม่ต้องยื่นสมุดบัญชีธนาคาร ทั้งนี้รวมถึงการยื่นสำหรับครอบครัวในความอุปการะของบุคคลดังกล่าวด้วย)

11. แบบสอบถามเพื่อขอวีซ่า1 ชุด


รายละเอียดสถานที่ตั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียดการขอวีซ่า ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติม
EMBASSY OF JAPAN
ที่ตั้ง : 177 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
เบอร์โทร 0-2207-8503, 0-2696-3003
เวลายื่น : 08.30 น. – 11.15 น
เวลารับ : 13.30 น. - 16.00 น.


Kingtranslations รับแปลเอกสาร วีซ่า ทุกประเภท ทุกภาษา ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ วันนี้
เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าจีน โดยศูนย์ รับแปลเอกสาร Kingtranslations

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว ประเทศจีน

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว
1. หนังสือเดินทางตัวจริงที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือนและมีหน้าว่างอย่างน้อย 3 หน้า พร้อมพาสปอร์ตเล่มเก่า (ถ้ามี)

2. รูปถ่าย 2 นิ้วสี 1 รูป พื้นหลังต้องไม่ใช่สีเลือดหมู (แดงเข้ม)

3. แบบฟอร์มวีซ่ากรอกข้อมูลครบถ้วนและเซ็นต์ชื่อ 1 ชุด

4. ใบจองตั๋วเครื่องบิน /ใบจองโรงแรม / ที่พัก หรือ หากพักกับญาติให้ขอเอกสารที่ระบุว่าจะมาพักอยู่ด้วย พร้อม หน้า passport ของผู้ที่จะไปพักอยู่ด้วย

5. วีซ่าท่องเที่ยวใช้เวลาทำการ 4 วัน /ด่วน 2 วัน และด่วน 1 วัน


รายละเอียดสถานที่ตั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียดการขอวีซ่า ประเทศจีนเพิ่มเติม
EMBASSY OF CHINA
ที่ตั้ง : 57 ถนนรัชดาภิเษก ดินแดง กรุงเทพ 10310
เบอร์โทร : 0-2245-7043-4
แฟ๊กซ์ : 0-2245-7032
เวลายื่น-รับ : 09.00 น. - 11.00 น.
เวลารับ : 15.00 น. - 16.00 น.

Kingtranslations รับแปลเอกสาร วีซ่า ทุกประเภท ทุกภาษา ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ วันนี้

Sunday, June 13, 2010

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าออสเตรเลีย

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าออสเตรเลีย โดยศูนย์ รับแปลเอกสาร Kingtranslations

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว ประเทศออสเตรเลีย

1.หนังสือเดินทางที่มีอายุครอบคลุมตลอดระยะเวลาทั้งหมดของการพำนักอยู่ในประเทศออสเตรเลีย หรืออย่างน้อยต้องมีอายุใช้การได้อีก 6 เดือน

2. ค่าธรรมเนียมการขอวีซ่า (VAC) ต้องชำระโดยแคชเชียร์เช็ค (หากซื้อในเขตกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดนนทบุรีและสมุทรปราการ) หรือโดย ‘แบงก์ดราฟท์’ (เฉพาะเมื่อซื้อนอกเขตปริมณฑล)

โดยสั่งจ่าย ‘สถานทูตออสเตรเลีย กรุงเทพฯ’ เป็นเงินสกุลบาทเท่านั้น ค่าธรรมเนียมวีซ่านี้ไม่สามารถขอรับคืนในภายหลังไม่ว่าวีซ่าจะได้รับการอนุมัติหรือไม่ก็ตาม

3. แบบฟอร์ม 48/48R สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว - กรอกเป็นภาษาอังกฤษ และลงนามโดยผู้สมัคร


4. รูปถ่ายขนาดทำหนังสือเดินทาง 1 รูป
5. บัตรประชาชนไทย (สำหรับสัญชาติไทย)
6. จดหมายรับรองการทำงาน
7. ผู้สมัครที่จะเดินทางพร้อมญาติพี่น้อง ควรแสดงหลักฐานแสดงความสัมพันธ์ดังกล่าว เช่น ทะเบียนสมรส สูติบัตร ทะเบียนบ้าน พร้อมข้อมูลหรือ เอกสารที่แสดงรายละเอียดของความสัมพันธ์นั้น เป็นต้น


สมุดบัญชีเงินฝากธนาคารฉบับปัจจุบันใบรับรอง เงินฝากธนาคารซึ่งแสดงสถานภาพการเงินในระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมาเป็นอย่างน้อย

8. ผู้สมัครที่มีสถานภาพเป็นนักเรียนนักศึกษา ควรจะแสดงหลักฐานรับรองสถานภาพการศึกษาจากทางสถาบัน

รายละเอียดสถานที่ตั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียดการขอวีซ่า ประเทศออสเตรเลียเพิ่มเติม
ที่ตั้ง : ชั้น 34, ตึก ไทย ซีซี เลขที่ 889 ถนน สาทร (ใต้) , กรุงเทพฯ (ตรงข้ามกับ สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์)
เบอร์โทร 0 - 2672 - 3476 (ถึง 79)
เวลายื่น - รับ : 09.00 น. - 15.00 น.
และเวลา : 15.00 น. - 16.00 น.






Kingtranslations รับแปลเอกสาร วีซ่า ทุกประเภท ทุกภาษา ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ วันนี้

Wednesday, June 9, 2010

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าอังกฤษ

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าอังกฤษ โดยศูนย์ รับแปลเอกสาร Kingtranslations

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว ประเทศอังกฤษ

1. พาสปอร์ตตัวจริงที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน และมีหน้าว่างอย่างน้อย 3 หน้า และต้องเป็นหน้าที่ว่างทั้งด้านหน้า และด้านหลังพร้อมพาสปอร์ตเล่มเก่า (ถ้ามี)

2. รูปถ่าย 2 นิ้วสี 2 รูป พื้นหลังของภาพต้องเป็นสีขาว ไม่ใช่รูปขาวดำ) ควรมีอายุไม่เกิน 6 เดือน และเหมือนกันทั้ง 2 รูป

3. สำเนาทะเบียนบ้าน / สำเนาบัตรประชาชน / สำเนาบัตรข้าราชการ / ใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล, ใบหย่า และ ทะเบียนสมรสต้องเป็นตัวจริงเท่านั้น / สำเนาสูติบัตร

4. หนังสือรับรองการทำงานจากบริษัท ที่ท่านทำงานอยู่ต้องเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น โดยระบุตำแหน่ง, อัตราเงินเดือนในปัจจุบัน, วันเดือนปีที่เริ่มทำงานกับบริษัทนี้ และช่วงเวลาที่ขอลางานเพื่อเดินทางไปยุโรป หลังจากนั้นจะกลับมาทำงานตามปกติหลังครบกำหนดลา




5. กรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ ขอสำเนาใบทะเบียนการค้า, ใบทะเบียนพาณิชย์ หรือ หนังสือรับรองบริษัทฯ ที่คัดสำเนาไว้ ไม่เกิน 6 เดือน พร้อมวัตถุประสงค์

6. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ส่วนตัวหรือสมุดบัญชีเงินฝากประจำ ย้อนหลัง 6 เดือน



7. กรณีที่เป็นนักเรียน/นักศึกษาจะต้องมี หนังสือรับรองจากสถาบันการศึกษา เท่านั้น พร้อมสำเนาบัตรนักเรียน / นักศึกษาด้วยกรณีที่เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ไม่ได้เดินทางพร้อมบิดา / มารดา หรือเดินทางไปกับบิดา/มารดา ท่านใดท่านหนึ่ง

จะต้องทำจดหมายยินยอมจากทางอำเภอ โดยที่บิดา, มารดา จะต้องไปยื่นเรื่องแสดงความจำนงในการอนุญาตให้บุตร เดินทางไปต่างประเทศกับอีกท่านหนึ่งได้ ณ ที่ว่าการอำเภอหรือเขต

โดยมีนายอำเภอ หรือผู้อำนวยการเขตลงลายมือชื่อ และตราประทับจากทางราชการอย่างถูกต้อง

8. แบบฟอร์มวีซ่ากรอกข้อมูลครบถ้วนและเซ็นต์ชื่อ 1 ชุด

9. ใบจองตั๋วเครื่องบิน/ใบจองโรงแรม / ที่พัก



รายละเอียดสถานที่ตั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียดการขอวีซ่า ประเทศอังกฤษเพิ่มเติม
ศูนย์รับแบบคำร้องวีซ่าอังกฤษ
บริษัท วีเอฟเอส (ประเทศไทย) จำกัด
ที่ตั้ง : ชั้น 2 อาคารรีเจ้นท์เฮาส์ 183 ถนนราชดำริ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
เบอร์โทร : 0-2800-8050
เวลายื่น : 8.30 น. - 15.00 น.
เวลารับ : 15.00 น. - 16.30 น.



Kingtranslations รับแปลเอกสาร วีซ่า ทุกประเภท ทุกภาษา ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ วันนี้

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกา

เอกสาร ขั้นตอนการขอวีซ่าอเมริกา โดยศูนย์ รับแปลเอกสาร Kingtranslations

ขั้นตอนและเอกสารที่ใช้ในการยื่น ขอวีซ่าประเภทท่องเที่ยว ประเทศสหรัฐอเมริกา

วีซ่าท่องเที่ยวเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาต้องมีการนัดสัมภาษณ์เท่านั้น โดย สามารถจองล่วงหน้าได้ 3 วิธี คือการจองผ่านโทรศัพท์ ผ่านระบบออนไลน์และจองผ่านไปรษณีย์

วิธีที่1 : จองวันนัดสัมภาษณ์ ผ่านระบบ Call Center

- โทรศัพท์ไปจองได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลทางโทรศัพท์ (Call Center) และการนัดสัมภาษณ์วีซ่า ได้ที่หมายเลข 001-800-13-202-2457 และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อซื้อหมายเลขใช้เฉพาะ (PIN )
อัตราค่าบริการ 12 USD.

(PIN สามารถใช้ เพื่อโทรศัพท์ไปที่ศูนย์บริการข้อมูล และการนัด สัมภาษณ์ได้ 3 ครั้ง หากท่านต้องการโทรศัพท์เป็นครั้งที่ 4 ท่านจะต้องซื้อหมายเลขใช้เฉพาะใหม่) ชำระเงินค่า PIN ผ่าน บัตรเครดิต

วิธีที่2 : จองวันนัดสัมภาษณ์ ผ่าน Internet
- จองวันนัดสัมภาษณ์ online
อัตราค่าบริการ 20 USD. (PIN สามารถใช้หมายเลขใช้ เฉพาะทางอินเตอร์เน็ตได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง และจะสามารถเข้าระบบได้ นับจากวันที่นัดสัมภาษณ์วีซ่าอีก 10 วัน จองและยกเลิกวันสัมภาษณ์ได้ 3 ครั้ง หากไม่ได้นัดวันสัมภาษณ์ภายใน 90 วันหมายเลขใช้เฉพาะทางอินเตอร์เน็ตจะหมดอายุลง โดยไม่สามารถขอคืนเงินได้) ชำระเงินค่า PIN ผ่าน บัตรเครดิต

วิธีที่3 : ซื้อรหัสประจำตัว (PIN) ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ที่ร่วมโครงการ ซึ่งจะสามารถใช้ได้หลังจาก 13.00 น. ของวันทำการถัดไปเท่านั้น ชำระเงินค่า PIN ด้วยเงินสด


2. จัดเตรียมเอกสารต่างๆ

- หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้งานไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (หากมีหนังสือเดินทางเล่มเก่ากรุณานำมาแสดงด้วย)
- รูปสี ขนาด 2 X 2 นิ้ว จำนวน 3 ใบ (ไม่อนุญาตใช้รูปถ่ายด่วน หรือ โพราลอยด์) พื้นหลังเป็นสีขาวเท่านั้น และเห็นสัดส่วนใบหน้าเกิน 50% ของรูปถ่าย
- ใบเสร็จค่าธรรมเนียมวีซ่ามูลค่า 4,000 บาท (สามารถซื้อได้ที่สำนักงานไปรษณีย์ทุกแห่ง)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ใช้สำเนาสูติบัตร )
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้ยื่นคำร้อง ที่มีอายุบัญชีมากกว่า 6 เดือนและหนังสือรับรองจากธนาคาร
- หลักฐานทางด้านการทำงาน (เอกสารที่ยื่นวีซ่าทุกอย่าง จะต้องออกไม่เกิน 3 เดือนนับจากวันเดินทาง)
- ถ้าผู้ยื่นเป็นลูกจ้าง ข้าราชการ ให้แสดงหนังสือรับรองการทำงานจากบริษัทหรือหน่วยงานที่สังกัดเป็นภาษาอังกฤษตัวจริง ( ให้ระบุตำแหน่ง, วันเริ่มทำงาน, อัตราเงินเดือน)
- ถ้าผู้ยื่นประกอบธุรกิจส่วนตัว ให้แสดงหนังสือรับรองจดทะเบียนการค้า
- ถ้าผู้ยื่นเป็นนักเรียนหรือนักศึกษา ให้แสดงหนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักศึกษา เป็นภาษาอังกฤษตัวจริง
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือกรณีหย่า ขอสำเนาทะเบียนหย่า
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ – นามสกุล (กรณีที่เคยมีการเปลี่ยนชื่อ หรือ นามสกุล)
- กรณีผู้อยู่ใต้อุปการะเลี้ยงดู เช่น แม่บ้านที่ไม่ได้ทำงาน ให้แสดงทะเบียนสมรส, หนังสือรับรองการทำงาน, สำเนาสมุดเงินฝาก, ทะเบียนบ้าน, บัตรประชาชนของสามี

- กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ได้เดินทางพร้อมบิดาหรือมารดา ให้แสดงหนังสือรับรองการทำงาน, สำเนาสมุดเงินฝาก, ทะเบียนบ้าน, บัตรประจำตัวประชาชนของบิดา - มารดาเพิ่มเติม และหนังสือให้ความยินยอมบุตรเดินทางกับบุคคลอื่นได้ ออกโดยอำเภอหรือสำนักงานเขต ถ้าบิดาหรือมารดาถึงแก่กรรม ต้องมีสำเนามรณะบัตร
- เบอร์โทรศัพท์ที่บ้าน, ที่ทำงาน, สถานศึกษา, เบอร์มือถือ ( จำเป็นมาก )
- แบบฟอร์มยื่นวีซ่า DS156 จำเป็นจะต้องกรอกผ่านระบบ Online กรอกได้ที่นี่ เมื่อกรอกครบถ้วนแล้วให้ Print DS156 ออกมา 1 ชุด พร้อมทั้งเซ็นต์ชื่อ
- แบบฟอร์มวีซ่า DS157 กรอกข้อมูลครบถ้วนและเซ็นต์ชื่อ 1 ชุด

3. ยื่นเอกสาร และแบบฟอร์มที่สถานฑูต ในวันสัมภาษณ์



รายละเอียดสถานที่ตั้ง เพื่อสอบถามรายละเอียดการขอวีซ่า ประเทศสหรัฐอเมริกาเพิ่มเติม
EMBASSY OF AMERICA
ที่ตั้ง : 95 ถนนวิทยุ กรุงเทพ 10330
Call Center: 001-800-13-202-2457

Kingtranslations รับแปลเอกสาร วีซ่า ทุกประเภท ทุกภาษา ติดต่อเราเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ วันนี้

Wednesday, June 17, 2009

ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน จาก Best mom club

แม่และเด็ก ลูกไม่ยอมไปโรงเรียน
ทำอย่างไรดี


ปัญหาลูกร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน ถือเป็นปัญหาแม่และเด็กอมตะนิรันดร์กาล สร้างความหนักอก หนักใจให้แก่คุณแม่ทั้งมือใหม่ และมือไม่ใหม่ทุกคน มีใครบ้างที่ไม่ห่วง และไม่รักลูก จริงมั้ยค่ะ แค่ลำพังไปส่งลูกที่โรงเรียนก็ใจหาย เป็นห่วง จะแย่อยู่แล้ว ยิ่งลูกร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียนให้เห็นอีก คุณแม่ คุณพ่อ ก็ยิ่งปวดใจ ใจหายไปกันใหญ่

วิธีการ แก้ปัญหา หรืออย่างน้อย บรรเทาปัญหาลูกไม่ยอมไปโรงเรียนนี้ ประการแรก คงต้องปรับที่ใจของคุณพ่อ คุณแม่ก่อนค่ะ ปรับให้เนิ่นๆ ก่อนเลยก็ได้ คือเราต้องปรับใจให้เข้มแข็ง และเข้าใจว่า ไม่ว่าอย่างไร เราก็เอาลูกไว้กับเราตลอดไม่ได้ ถ้าทำอย่างนั้น ยิ่งจะเป็นการทำร้ายลูกในระยะยาวมากขึ้นไปอีก ยังไงลูกก็ต้องไปโรงเรียนค่ะ คุณพ่อ คุณแม่บางท่านทนเห็นลูกร้องไห้ไม่ไหว พาลูกกลับบ้าน ผลัดไปเทอมนึง หรือคิดไปว่า ถ้าโตกว่านี้หน่อยจะรู้เรื่อง แต่ปรากฎว่า พอไปใหม่ก็ร้องไห้อยู่ดี เพราะฉะนั้น คงต้องใจแข็งนะคะ ถ้าตัดสินใจแล้ว ว่าจะให้ลูกไปโรงเรียนก็ต้องทำให้สำเร็จค่ะ

การ ที่ลูกร้องไห้ไม่ยอมไปโรงเรียน คงบอกไม่ได้ว่า ใครจะร้องมาก น้อย หรือเลี้ยงอย่างไรจะร้องมาก ร้องน้อย แต่สิ่งที่เป็นจริงก็คือ แทบไม่มีใครไม่ร้อง และก็ไม่มีใครที่ร้องไปตลอดไม่ยอมเลิกนะคะ ส่วนมาก เกือบทั้งหมด จะร้องเมื่อระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เมื่อปรับตัวได้ ก็จะเลิกไปเองค่ะ


หลังจาก ปรับใจของเราได้แล้ว ก็ถึงเวลาเผชิญความจริง เวลาลูกไม่ยอมไปโรงเรียนแล้ว ค่ะ เริ่มตั้งแต่การเลือกโรงเรียนก็ต้องมั่นใจว่า โรงเรียนนี้จะดูแล เอาใจใส่เราได้ ระยะแรก ไม่ควรเลือกโรงเรียนที่วิชาการมากเกินไป สถานที่ดูผ่อนคลาย มีประสบการณ์ในการดูแลเด็กเป็นอย่างดี

ต่อ มา คุณพ่อ คุณแม่ถ้ามีเวลา หรือเป็นไปได้ก็ควรจะอยู่กับลูกที่โรงเรียนมากสักหน่อยในระยะแรกๆ และก่อนกลับทุกครั้งต้องสัญญากับลูกว่า จะมารับที่โรงเรียนแน่นอน เพราะสาเหตุหนึ่งที่ลูกไม่ยอมไปโรงเรียนนั้น ก็เพราะว่ากลัว คุณพ่อ คุณแม่จะไม่มารับนั่นเองค่ะ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ ทิ้งระยะลงจนเหลือแค่ไปส่งเฉยๆ หรือให้รถโรงเรียนมารับจากบ้านก็ได้

เมื่อ กลับถึงบ้านก็อย่าลืมถามลูกด้วยว่า ที่โรงเรียนเป็นอย่างไร พยายามพูดถึงสิ่งดีๆ ให้ลูกอยากไป อย่างเช่น เพื่อน หรือคุณครูที่น่ารักๆ ม้าหมุน หรือสระว่ายน้ำ ที่ ที่บ้านไม่มีแต่โรงเรียนมี ทำนองนี้ เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้ลูกอยากไปโรงเรียนในวันต่อๆไปค่ะ

ท้ายที่สุด และสำคัญที่สุด สำหรับการจัดการกับปัญหาลูกไม่ยอมไปโรงเรียน คงต้องย้ำอีกทีว่าให้คุณพ่อ คุณแม่ใจแข็ง ไม่ยอมง่ายๆ แล้วพอลูกปรับตัวได้แล้ว ทุกอย่างจะดีเอง และทุกคนก็จะดำเนินชีวิตไปตามหน้าที่ได้ต่อไปอย่างปกติค่ะ โชคดีนะคะ คุณพ่อ คุณแม่ทุกคน

ที่มา www.bestmomclub.com